ซอกีจูเปิดร้านถ่ายภาพสำหรับวิญญาณ เขาและทีมของเขาซึ่งรวมถึงทนายสาวฮันบอมผู้มีพลังป้องกันวิญญาณซ่อนเร้นอยู่ ต้องร่วมกันถ่ายภาพสุดท้ายให้กับเหล่าวิญญาณที่สูญเสีย
หน้าที่นี้ยิ่งใหญ่ยิ่งหนัก ซอกีจู ชายธรรมดา ๆ ที่มีอะไรที่ไม่ธรรมดาอยู่รอบตัวเขา เพราะเขาคือผู้ที่ได้รับหน้าที่ดูแลกิจการห้องถ่ายภาพแห่งรัตติกาต ทำภารกิจถ่ายภาพสุดท้ายให้กับเหล่าดวงจิตของทุกดวงวิญญาณ แต่โชคชะตาก็ได้นำพาเข้ามาได้พบกับ ฮันบม นักกฎหมายสาวผู้เถรตรง ที่ได้กลายมาเป็นหุ้นส่วนอีกคนของกิจการร้านถ่ายภาพ
"นี่คุณตายแล้วหรือครับ?" ซอกีจู รู้สึกประหลาดใจที่ได้พบ ฮันบม เดินผ่านประตูวิญญาณในห้องถ่ายภาพเข้ามาได้อย่างอิสระ ทั้งที่ยังมีลมหายใจอยู่ ทำให้เขากับทีมงานต่างรู้สึกฉงนกับผู้หญิงคนนี้ กระทั่งเขาได้คุ้นเคยกับเธอ และพบว่าเธอน่าจะมีญาณวิเศษบางอย่าง ซึ่งมันก็น่าจะช่วยปกป้องเขาได้เช่นเดียวกัน
ซอกีจู กำลังพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ฮันบม ว่าทำไมเธอถึงมีความสามารถพิเศษให้การเป็นเกราะป้องกันผีซ้ำด้ำพลอยเหล่านั้นได้ นับว่าเป็นการจุดประกายความหวังที่จะช่วยคุ้มครองเขาได้ในผ่านช่วงอายุ 35 ปี เขาจึงโน้มน้าวให้เธอมาเป็นผู้ช่วยอีกครั้งในยามค่ำคืน และฮันบมก็ต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสียที่ไม่อาจจะเลี่ยงไปได้
ฮันบม ยังไม่อาจจะละทิ้งความเศร้ากับการที่ต้องสูญเสียยาย ซอกึมซุน ไปอย่างกะทันหัน ในขณะที่ ซอกีจู ที่มองเห็นคุณยายซอและถูกไหว้วานสั่งห้ามไม่ให้เขาบอกหลานสาวว่ายายก็ยังอยู่ห่างไม่ไกลจากเธอ ดังนั้นกีจูจึงได้ทำภารกิจสั่งเสียครั้งสุดท้ายให้กับคุณยายซอ และกลายเป็นว่าการร่วมมือกันครั้งนี้เป็นการจุดสปาร์กความรู้สึกบางอย่างขึ้นระหว่าง กีจู กับ ฮันบม
กล้องถ่ายภาพแห่งรัตติกาล..เล่นเข้าให้แล้วสิ! บัดนี้ ฮันบม ได้ยืนยันในความสามารถพิเศษที่เธอเองเพิ่งจะมั่นใจ นั่นก็คือความสามารถมองเห็นผีและดวงวิญญาณได้เหมือนกับ ซอกีจู แต่แล้วหลังจากนั้นเรื่องประหลาด ๆ ก็มันจะเกิดขึ้นรอบตัวฮันบม ไม่ต่างกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับกีจู กลายเป็นแรงดึงดูดให้พวกเขาเข้าหากันและกัน ทั้งที่กีจูพยายามตั้งกำแพงและไม่อยากให้เขากับเธอต้องเกี่ยวข้องกันใด ๆ เลย
"คุณห้ามลืมตานะ" อุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ทำให้ ฮันบม ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าอภิรมย์จากดวงวิญญาณตายโหง แต่ ซอจีกู ที่แบกสังขารที่กำลังป่วยมาช่วยปกป้องเธอได้ทันเวลา เป็นจังหวะเดี่ยวกับที่เหล่าลูกทีมต้องรับมือกับคำสั่งเสียของโชเฟอร์รถบรรทุกนอนน้อย และเผชิญหน้ากับดวงวิญญาณดวงใหม่ที่ดุร้ายและก้าวร้าว แบบที่พวกเขาไม่เคยพบเจอมาก่อน
ความสัมพันธ์ระหว่าง ซอกีจู กับ ฮันบม ขยับเข้าใกล้และแนบชิดกันมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่เธอจะตัดสินใจย้ายมาเปิดสำนักงานกฎหมายติดกับสตูดิโอถ่ายภาพ ขณะที่การเผชิญหน้ากับดวงวิญญาณอาฆาตแค้นยังดำเนินไปอย่างดุเดือด เพราะความฝังใจที่ยังติดอยู่ชีวิตทางโลก ทำให้พูดไม่จริงทั้งหมด และเสี่ยงที่จะกลายเป็นผีร้ายที่ไม่มีทางไปผุดไปเกิดในแบบที่ควรจะเป็น
ฮันบมกำลังตกอยู่ในอันตราย! พลังอาฆาตของดวงวิญญาณร้าย ชเวฮุน ได้เข้าครอบครองสิงสูร่างฮันบม แรงกดดันมหาศาลตกไปอยู่ที่ ซอกีจู ที่จะต้องเด็ดขาดจัดการกับผีร้ายตนนี้ โดยมีชีวิตของฮันบมเป็นสิ่งต่อรอง และจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทีมงานห้องถ่ายภาพทุกคนต่างตระหนักถึงความห่วงหาและความรักทางโลก ที่เต็มไปด้วยความผูกพันและความเจ็บปวด "ผมไม่ใช่คนที่จะปกป้องใครได้หรอกนะ"
"ครั้งก่อนคือการซ้อม แต่ครั้งนี้คือของจริง" หลังจากที่ ซอกีจู ได้ออกปากบอกชอบ ฮันบม จากก้นบึ้งหัวใจของเขา คนทั้งสองก็ถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันและกัน และพวกเขาก็ตกลงที่จะยกระดับความสัมพันธ์เป็นคู่รักใหม่ในระยะทดลอง แต่บททดสอบของพวกเขายังรออยู่ เมื่อดวงวิญญาณที่ยังยึดติดดวงใหม่สร้างปัญหาในเกิดขึ้นกับทางโลก มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะเป็นผีร้ายพลังสูง
หลังจากที่ ฮันบม ได้ทราบถึงความจริงที่ว่าเจ้าของร้านถ่ายภาพแห่งรัตติกาลทุกคน จะมีอันเป็นไปก่อนอายุจะ 35 ปี เธอก็รู้สึกหวั่นวิตกและกลัวกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น ซอกีจู ในภายภาคหน้า แม้ว่าเขาจะพยายามอธิบายให้เธอฟัง แต่ก็ยากที่เธอจะเข้าใจได้ ขณะเดียวกันนั้น ทุกคนก็ประหลาดใจที่เคสของคิมยุนซอลยังไม่จบลง เมื่อวิญญาณอัตวินิบาตกรรมกลับมาอีกครั้ง ยิ่งทำให้พวกเขาต้องเร่งค้นหาบางสิ่งที่เป็นคำสั่งเสียสุดท้ายของคุณอาซอกีวอน
อายุ 36 ปี... ซอกีจู ที่ได้เขียนสิ่งที่เขาปรารถนาที่จะให้เกิดขึ้นกับตัวเอง นั่นก็คือการได้มีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อปกป้องและเคียงข้างคนที่เขารัก แม้ว่าหนทางจะยังค่อนข้างคลุมเครืออยู่ก็ตาม ขณะที่ ฮันบม ก็พยายามที่จะหาวิธีพิทักษ์ปกป้องชายหนุ่มที่เธอหวงแหน จึงเกิดแนวคิดที่ว่าน่าจะใช้ความทรงจำของตัวเองมาช่วยปลดล็อกคำสาปของกีจู แต่ดูเหมือนว่าความพยายามของพวกเขามีทั้งความคืบหน้าและความน่ากลัวรอคอยอยู่
หลังจากที่ ฮันบม เลือกจะเผชิญหน้ากับอุบัติเหตุในอดีตที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเธอ และได้ทราบความจริงที่ว่าในวันนั้นยังมี คุณอาซอกีวอน อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เธอกับซอกีจู จึงได้พยายามสืบค้นหาความจริงกันต่อไป ท่ามกลางความอุ่นใจของกีจูที่ได้พบเด็กหญิงที่เขาเคยรู้สึกเติบโตขึ้นมาเป็นอย่างดี แต่สถานการณ์ต่าง ๆ ก็ยังไม่สู้ดีนัก เมื่อวิญญาณร้ายยังตามรังควาน ก่อนที่เหตุสุดสะเทือนใจเกิดขึ้น...
กว่าจะรู้..ก็เหมือนจะสายเกินไป ซอกีจู เผชิญหน้ากับความเป็นความตาย บัดนี้สภาพของเขายังนอนไม่ได้สติ เพราะการเผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายที่จู่โจมเขา แต่ทุกคนยังคงมีความหวัง ที่ต้องพยายามตามหา อีซอนโฮ ให้ได้ทันเวลา แต่สถานการณ์ดูเหมือนว่าจะพบกับเส้นทางที่สิ้นหวังลงเรื่อย ๆ เมื่อ ฮันบม ได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม
และแล้วก็ถึงวันสำคัญ วันคล้ายวันเกิดอายุครบ 35 ปี ของ ซอกีจู ได้มาถึงแล้ว นับว่าเป็นวันที่จะชี้ชะตาในอะไรหลายสิ่งรอบตัวของกีจู และแน่นอนว่าสถานการณ์ต่าง ๆ รอบข้างของเขาก็ยิ่งอันตรายและคาดเดาไม่ได้เช่นเดียวกัน ฮันบม พบว่ารอยประทับที่อยู่ด้านหลังคอของกีจูเริ่มจางหายไป เช่นเดียวกับที่เขาเองก็สัมผัสได้ว่าพวกสิ่งที่ตามรังควานต่าง ๆ ก็เริ่มจางหายไปด้วย หรือว่ามันจะเป็นสัญญาณองบางอย่าง...?
"...ยังมีคนที่ถูกสาปอยู่อีกคน" ฮันบม พยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับรอยร่องที่ปรากฏขึ้นบริเวณแผลเป็นของเธอ หรือว่าเธอจะเป็นคนที่สืบทอดเป็นผู้ที่จะต้องจากลาโลกใบนี้คนต่อไป แน่นอนว่า ซอกีจู ไม่ยอมให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นกับคนที่เขารักได้แน่ ๆ บัดนี้ประตูห้องถ่ายภาพใกล้จะปิดลง การเชื่อมต่อระหว่างทั้งสองโลกกำลังจะสิ้นสุด แต่วิญญาณร้ายไม่ยอมหยุดเพียงแค่นั้น ก๊จูจึงตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่เสี่ยงตาย เพียงแต่กับความสงบสุขของทุกคน
"คุณรอผมได้ไหม?" ซอกีจู ตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังปรโลก เพื่อจัดการและหยุดยั้งคำสาปทั้งหมดที่สืบทอดกันมาอย่างนานลงด้วยวิธีของเขาเอง แม้ว่ามันจะเป็นหนทางที่เสี่ยงอันตราย และอาจจะทำให้เขาไม่สามารถกลับมายังโลกมนุษย์ได้อีก แต่เขาก็ได้ให้คำมั่นสัญญากับ ฮันบม เอาไว้ว่า...เขาจะกลับมาก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น แล้วเขาจะทำได้ตามที่รับปากไว้หรือไม่?